• หน้าแรก
  • รุ่นรถยนต์/อีวี
  • รุ่นจักรยานยนต์
  • รุ่นรถแทรกเตอร์
  • รถเกี่ยวข้าว/Smart Farm
  • เครื่องยนต์อเนกประสงค์
  • ค้นหาผู้จำหน่าย
  • กระดานซื้อขาย/MotorShow
  • ข่าวเด่นรถยนต์Œ/รีวิวรถยนต์
  • ติดต่อโฆษณา

รีวิวรถยนต์-รถอีโคคาร์ | รีวิวรถกระบะ-รถพีพีวี | รีวิวจักรยานยนต์-รถบิ๊กไบค์ | ข่าวรถแทรกเตอร์

โปรโมชั่น รถยนต์-รถกระบะ | โปรโมชั่น รถจักรยานยนต์-รถบิ๊กไบค์ | โปรโมชั่น รถแทรกเตอร์

“ซูซูกิ” ปรับใหญ่ ก้าวขึ้นผู้นำอีโคคาร์ ชูเน็ตเวิร์ก-ความพึงพอใจ

 


นายโยจิ มุโรซากะ


ขอบคุณข้อมูล ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (25 ก.ค. 2560) [1150 Views]

แม้ว่าจะเข้ามานั่งกุมบังเหียน ดูแลตลาดรถยนต์ “ซูซูกิ” ในบ้านเราได้เพียงขวบปีเศษ แต่ผลงาน “โยจิ มุโรซากะ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ต้องบอกว่าเกินคาด เนื่องจากเข้าใจตลาดและพฤติกรรมการใช้รถของคนไทยได้เป็นอย่างดี ด้วยดีกรีที่เคยรั้งตำแหน่งผู้นำทางด้านการตลาดของซูซูกิมาตั้งแต่ปี 2557 นั้น

วันนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสสัมภาษณ์ถึงแนวทางในการขับเคลื่อนซูซูกิกับเป้าหมายถึงการก้าวขึ้นเป็นผู้นำอีโคคาร์อย่างยั่งยืน

ขายเพิ่ม 4 พันคัน

ช่วงที่ผมเข้ามารับตำแหน่งขณะนั้นเป็นช่วงสิ้นสุดโครงการรถยนต์คันแรกไปแล้ว และตลาดอยู่ในภาวะหดตัวลงทั้งตลาด ปี 2558 นั้น เราปิดตัวเลข 20,000 คัน และในปีถัดมาทำได้ 22,000 คัน

ส่วนปีนี้ เราตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 24,000 คัน จากสิ่งที่เราและทีมงานได้ผ่านนั้น เชื่อว่าตลาดและซูซูกิยังสามารถที่จะเติบโตไปได้อีกแน่นอน และวันนี้แนวโน้มก็เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากไม่มีปัจจัยลบที่รุนแรงเกิดขึ้น

เร่งปรับปรุงเน็ตเวิร์ก

วันนี้เรามี 2 อย่างที่ต้องรีบปรับปรุง คือ 1.เครือข่ายการจัดจำหน่าย เนื่องจากเราต้องการเพิ่มทั้งในปริมาณและคุณภาพ ปัจจุบันเรามี 108 แห่งทั่วประเทศ จากก่อนหน้าที่มี 80 แห่ง และปีนี้เราตั้งใจจะเพิ่มให้ได้ 120 แห่งทั่วประเทศ และ 2.การเพิ่มค่าความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อซูซูกิ ซึ่งเราต้องการพัฒนาปรับปรุง เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุดอย่างต่อเนื่อง จากปี 2558 เราอยู่อันดับ 9 แต่ปีที่แล้วเราได้ค่าความพึงพอใจเพิ่มขึ้นมาอยู่อันดับ 4 และเราหวังว่าเราจะพยายามเพิ่มตรงนี้ให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

ความจริงใจสร้างความพึงพอใจ

สำหรับ ซูซูกิ เราเองมีการประเมินตัวเองอยู่เสมอ และทันทีที่เราเจอจุดบกพร่องในแต่ละส่วน เราก็จะหารือกับดีลเลอร์นั้น ๆ เพื่อปรับปรุงแก้ไขปัญหาทีละจุดทันที พูดแล้วดูเหมือนง่าย ทุกค่ายก็ทำได้ แต่สำหรับเราเองนั้น ใช้ความจริงใจในการเข้าไปแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับดีลเลอร์ เราทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและสามารถปรึกษาหารือกันได้ตลอดเวลา

ซูซูกิเรามีดีลเลอร์มีตติ้งถึงปีละ 4 ครั้งหรือจะเรียกว่ารายไตรมาสเลยทีเดียว และยังไม่นับรวมที่ “คุณวัลลภ ตรีฤกษ์งาม” กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาดของเราที่เดินสายทำงานร่วมกับตัวแทน จำหน่ายทั่วประเทศ แต่ถ้าถามว่า วันนี้พอใจหรือไม่ ? ผมตอบได้ตรง ๆ เลยว่า ยังไม่พอใจ เพราะเราและทีมเชื่อว่ายังมีจุดที่เราสามารถทำเพิ่มเข้าไปได้อีก ที่ผ่านมาซูซูกิมีความยากลำบาก แต่เราก็สามารถผ่านมาได้ อย่างรถสวิฟท์ของเราขายมาปีที่ 5 เข้าสู่ปีที่ 6 เราก็ยังต้องทำอะไรเพิ่มขึ้นปีนี้จะเป็นปีที่เราจัดระบบองค์กร เพื่อเตรียมความพร้อมและจะเติบโตไปอย่างก้าวกระโดดต่อไป

เร่งมืออีโคคาร์ 2

ปีนี้ประเทศไทยมีกำลังผลิตที่ 60,000 คัน และ 2 ใน 3 ของกำลังผลิต เป็นการรองรับตลาดส่งออก ทั้งในยุโรป ละตินอเมริกา ปากีสถาน ทุกรุ่นที่เราผลิต ทั้งเซเลริโอ้ สวิฟท์ และเซียส มีการส่งออก และเราก็ได้ตลาดใหม่ ๆ เพิ่มมาอย่างต่อเนื่อง จากกำลังผลิตสูงสุดของเราทำได้ที่ 100,000 คันต่อปี จากการทำงาน 2 กะ

เราทำได้อย่างสบาย ๆ หลังจากเราตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยและได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนอี โคคาร์ 2 เมื่อเดือนมีนาคม 2558 ที่ผ่านมา ตอนนี้เราอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม และยังไม่สามารถให้รายละเอียดอะไรได้มากนักสำหรับโครงการนี้ แต่ที่แน่ ๆ ซูซูกิมองว่า อีโคคาร์โครงการหนึ่งคือโครงการหนึ่ง และโครงการสองคือโครงการสองแยกกันชัดเจน วันนี้ซูซูกิพอใจกับประสิทธิภาพการดำเนินงานของซูซูกิ ประเทศไทย ในสภาพตลาดที่ยากในปัจจุบัน และเราจะก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำในตลาดอีโคคาร์ให้ได้

ยันอีโคคาร์คือคำตอบ

วันนี้สำหรับซูซูกิ เรามีเทคโนโลยี “ไฮบริด” แต่เรายังไปไม่ถึงเทคโนโลยี “อีวี” แต่เราเข้าใจว่าลูกค้ามีความสนใจและต้องการรักษาสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น และเราทุกคนอาจจะต้องคำนึงถึงจุดนี้ได้แล้ว แต่ทั้งนี้ก็ต้องไม่ลืมว่า ซูซูกิเองเรามีบทบาทในการพัฒนาอีโคคาร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเช่น เดียวกัน ที่ทุกคนสามารถจับต้องและเป็นเจ้าของได้ง่าย เห็นได้จากสัดส่วนอีโคคาร์วันนี้ มีสัดส่วนสูงถึง 39% ของยอดขายรถยนต์นั่ง และมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น

การที่ซูซูกิตัดสินใจเข้ามาลงทุนใน ประเทศไทย ก็เพราะโครงการรถยนต์อีโคคาร์ เราได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี การส่งเสริมการลงทุนที่ดีจากรัฐบาลไทย แต่ทั้งนี้เราเองก็อยากสะท้อนกลับไปถึงรัฐบาลไทยว่าผู้ลงทุนอีโคคาร์เข้ามา ตามคำเชิญชวนของรัฐบาล

และวันนี้พิสูจน์จากผู้ใช้แล้วว่าอีโคคาร์เป็นรถที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพ จนไม่มีคำถามคาใจ รัฐบาลควรจะดูแลให้อยู่รอดปลอดภัย



ความคิดเห็นผ่าน Facebook



ข่าวน่าสนใจ Hot News
ปตท.-ฟ็อกซ์คอนน์ จับมือปั้นไทยฮับผลิต EV
นิสสัน เสริมตลาดปิกอัพ "นาวารา ซิงเกิล แค็บ"
ไทรอัมพ์ฯ เผย 5โมเดลใหม่ล่าสุด บอนเนวิลล์ 2021
ดูคาติ ตัวแทนใหม่ “โมโตเร อิตาเลียโน่” เปิดโชว์รูมบนตึกอาวดี้
สยามคูโบต้า หนุนทำ Smart Farmer รับแรงงานรุ่นใหม่
ยันม่าร์ เปิดตัวรถเกี่ยวข้าว ตู้แอร์ YH1180 Cabin
เปิดตัว! จอบหมุน ฟาร์มเทค พรีเดเตอร์ แกร่ง แรง เร็ว







หมวดยานยนต์-แทรกเตอร์ โปรโมชั่น-ข่าวเด่น-รีวิว 108เอ็นจินดอทคอม
รถอีวี /รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โปรโมชั่นรถยนต์ /รถแทรกเตอร์ /จักรยานยนต์ หน้าแรก108engine.com
รถอีโคคาร์ ข่าวรถยนต์-รถไฟฟ้า ข้อตกลงการใช้งาน
รถกระบะ-รถอเนกประสงค์ ข่าวรถแทรกเตอร์-SMART FARM นโยบายความเป็นส่วนตัว
รถแทรกเตอร์ ข่าวรถจักรยานยนต์-รถบิ๊กไบค์ ติดต่อโฆษณา Advertise With Us
รถเกี่ยวนวดข้าว MOTOR SHOW / TRACTOR SHOW ติดต่อเรา Contact Us
รถจักรยานยนต์ ทัวร์ร้านค้ายานยนต์ทั่วไทย  
รถบิ๊กไบค์ รีวิว รถยนต์-รถอีวี  
เครื่องยนต์อเนกประสงค์ รีวิว รถจักรยานยนต์-รถบิ๊กไบค์  
Follow us
   
Copyright © 2000 - 2024  108Engine Dot Com All Rights Reserved
 
cheap air max|cheap air jordans|pompy wtryskowe|cheap huarache shoes| bombas inyeccion|cheap jordans|cheap sneakers|wholesale jordans|cheap china jordans|cheap wholesale jordans|cheap jordans|wholesale jewelry china