|
-ขอบคุณข้อมูล ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (27 มี.ค. 2560) [1152 Views]
|
โรงงานเชฟโรเลตระยองพร้อมเบรกไลน์ผลิตเก๋งครูซ ลั่นเดินหน้าตามนโยบายบริษัทแม่ทำตลาดเฉพาะปิกอัพ-เอสยูวี ลุยสร้างความแข็งแกร่ง ชูจุดขายเทคโนโลยี-ความปลอดภัย ส่งรุ่นพิเศษ เจาะกลุ่มลูกค้ามีไลฟ์สไตล์เป็นของตัวเอง ล่าสุดได้ "โคโลราโดไฮคันทรี สตอร์ม" เสริมทัพ
นายเวล ฟาร์กาลี กรรมการผู้จัดการ จีเอ็ม ประเทศไทย และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจของเชฟโรเลตในปีที่ผ่านมาว่า ถือเป็นปีที่น่าพอใจอย่างยิ่งหลังจากประกาศ นโยบายทำตลาดเฉพาะรถปิกอัพ โคโลราโด พีพีวี เทรลเบลเซอร์ และเอสยูวี แคปติวาเท่านั้น ส่วนรถยนต์นั่งเชฟโรเลต ครูซนั้นบริษัทจะทำตลาดไปจนกว่าสินค้าจะหมด โดยล่าสุดได้นำเสนอเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย รวมทั้งส่งรถรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น และรุ่นพิเศษต่าง ๆ เพื่อตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ปรากฏว่ายอดขายเชฟโรเลต ดีขึ้นเป็นลำดับ และประเมินว่าปีนี้จะโตเพิ่มจากปีก่อนที่ทำได้ 14,931 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 2% ขณะที่ปี 2558 ทำได้สูงถึง 17,456 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 2.2%
"เฉพาะปิกอัพเราทำตลาดได้โดดเด่นมาก เชฟโรเลตมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเป็น 3.9% จากเดิมที่ทำได้ 3.5% โดยเมื่อธันวาคมปีที่ผ่านมามีตัวเลขสูงถึง 2,300 คัน ซึ่งถือเป็นยอดสูงสุดในรอบ 18 เดือน"
นายฟาร์กาลีกล่าวถึงความชัดเจน ของการดำเนินธุรกิจของเชฟโรเลตในประเทศไทย ว่า ยังใช้ประเทศไทยเป็นฐาน การผลิตรถยนต์ที่สำคัญที่สุดในภูมิภาค และเนื่องจากความได้เปรียบในเรื่องของฟรีเทรดโซน ที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานผลิต เพื่อส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ของภูมิภาคทั้งอาเซียน ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง อเมริกาใต้ ฯลฯ รวมกว่า 15 ประเทศ ทำให้มั่นใจว่าทุกอย่างจะพัฒนาไปในทิศทางที่ดี
โดยปัจจุบันกำลังผลิตของเชฟโรเลตที่ จ.ระยองนั้นเป็นการผลิตรถปิกอัพโคโลราโด และเทรลเบลเซอร์ รวมทั้งเอสยูวี แคปติวา เพื่อรองรับความต้องการของตลาดในประเทศ 30% ส่วนที่เหลือ 70% เป็นการผลิตเพื่อรองรับตลาดส่งออก
ส่วนรถยนต์นั่งอย่างเชฟโรเลต ครูซ ปัจจุบันยังคงมีการผลิต อยู่แต่เป็นสัดส่วนที่น้อย และครูซโมเดลนี้จะเป็นรถยนต์นั่ง รุ่นสุดท้ายที่จะผลิตจากโรงงานเชฟโรเลต ประเทศไทย เนื่องจากเป็นไปตามนโยบายและกลยุทธ์ทางการตลาด ที่บริษัทต้องการเน้นปิกอัพ และเอสยูวีเท่านั้น
"เชฟโรเลต ครูซจะผลิตไปจนกว่าจะครบอายุของรถ จากนั้นก็จะเลิกผลิต เน้นไปที่โคโลราโด, เทรลเบลเซอร์ และแคปติวาเป็นหลัก"
สำหรับการแข่งขันของตลาดในปีนี้ เชื่อว่าจะยังคงมีความรุนแรงและดุเดือดต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแข่งขันจากค่าย รถยนต์หลัก ๆ ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนตลาด เบื้องต้นคาดว่ายอดขายรถยนต์โดยรวมปีนี้จะอยู่ที่ 800,000 คัน แต่หลังจากดูยอดขายในช่วง 2 เดือนแรกที่มีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดและถือเป็นสัญญาณที่ดี อาจจะมีความเป็นไปได้ว่ายอดขายรถยนต์โดยรวมจะขยับไปอยู่ที่ระดับ 810,000-820,000 คัน
ล่าสุดบริษัทได้ส่งรถยนต์โคโลราโด ไฮคันทรี สตอร์ม ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์และการตกแต่งเท่รอบคัน ด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งสีดำเน้นความดุดันบึกบึน มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ 4 สูบ ดีเซลเทอร์โบ 2.5 ลิตร ด้วยระบบเทอร์โบแปรผัน 180 แรงม้าเครื่องยนต์ที่ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 4 รุ่นนี้เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีทั้งระบบขับเคลื่อนสองล้อและขับเคลื่อนสี่ล้อ พร้อมด้วยสีตัวถังใหม่ "Blue Me Away" สีน้ำเงินเมทัลลิก ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 38 นี้
|