|
ขอบคุณข้อมูล MGR Online (28 พ.ค. 2018) [1276 Views]
|
นิสสันเปิดตัว เทอร์รา รถยนต์เอสยูวี รุ่นล่าสุด มุ่งรุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประเดิมแห่งที่ 2 ในฟิลิปปินส์ หลังเปิดตัวยิ่งใหญ่ในจีน ประเดิมเริ่มจองทันทีพร้อมส่งมอบ ส.ค.นี้
นิสสันได้ทำตามสัญญา ด้วยการส่งออก นิสสัน เทอร์รา ใหม่เอสยูวีแบบตัวถังบนแชสซีส์ สู่ตลาดสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยลูกค้าในฟิลิปปินส์สามารถสั่งจอง นิสสัน เทอร์รา ใหม่ ตั้งแต่วันนี้ โดยสามารถส่งมอบได้ตั้งแต่สิงหาคม พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป
นิสสันมีแผนเปิดตัวนิสสัน เทอร์รา ในประเทศไทยและประเทศอินโดนีเซีย ภายในปีงบประมาณนี้(เม.ย. 2561 มี.ค. 2562) ก่อนจะตามมาด้วยการทำตลาดในประเทศบรูไน กัมพูชาลาว พม่า และเวียดนามต่อไป
นิสสันเทอร์รา ใหม่ นำเสนอเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะสูง ห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบายและเทคโนโลยีการขับขี่ทันสมัยมากกว่ารถในระดับเดียวกัน เพื่อให้ลูกค้าเดินทางไปทุกที่ได้อย่างมั่นใจ
นิสสันเทอร์รา ใหม่ พัฒนาต่อยอดจากความสำเร็จของนิสสัน เอสยูวี ที่ยาวนานกว่า 60 ปี เช่น นิสสัน เพโทร (Nissan Patrol) ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้ามากที่สุดมร. อัชวานี กุปตา รองประธานอาวุโสกลุ่มธุรกิจโครงสร้างรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก ของนิสสัน กล่าวว่า นิสสัน ออกแบบให้ เทอร์รา ใหม่มีความแข็งแกร่งรองรับทุกภารกิจการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างมั่นใจขณะเดียวกันยังช่วยให้ลูกค้าของเรา สามารถปลดปล่อยความจำเจและออกผจญภัยได้อย่างเต็มที่
พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเอสยูวีขนาดกลางและลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์รุ่นใหม่ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเซกเมนท์ของรถเอสยูวียังคงมียอดขายอยู่ในสามอันดับแรกในตลาดและถือเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของภูมิภาคนี้ นิสสัน เทอร์รา ใหม่ จะใช้ฐานการผลิตในประเทศไทยเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกสู่ตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นิสสัน เทอร์รา ใหม่มีฐานการผลิตเพื่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นสิ่งยืนยันและแสดงถึงความมุ่งมั่นของนิสสัน ที่จะนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อลูกค้าในภูมิภาคนี้ ยูทากะ ซานาดะ รองประธานอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียกล่าว
เทอร์รา ใหม่ นับเป็นก้าวสำคัญล่าสุดในการนำเสนอผลิตภัณฑ์เชิงรุกสู่ตลาดในภูมิภาคนี้และเป็นส่วนสำคัญ ของการดำเนินแผนงานระยะกลางของนิสสัน หรือ Nissan M.O.V.E. 2022 สำหรับภูมิภาคนี้อีกด้วย ซานาดะกล่าวเสริม นิสสัน เทอร์ราใหม่ ตั้งชื่อตามภาษาละติน แปลว่า โลก(Earth) ได้เปิดตัวในเมืองคลาร์ก ประเทศฟิลิปปินส์นับเป็นตลาดลำดับที่สองในโลกหลังจากนิสสันเปิดตัวเทอร์ราเป็นครั้งแรกในประเทศจีนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
นิสสันเทอร์รา ใหม่ เป็น รถยนต์เอนกประสงค์แบบ 7 ที่นั่งสะดวกสบายด้วยพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางที่สุด ในระดับเดียวกันมีฟังค์ชันการปรับ และพับเบาะที่นั่งแถวที่สองที่พับได้เก็บได้แบบแบนราบเหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง และการผจญภัยบนเส้นทางออฟโรดร่วมกับครอบครับและเพื่อนๆ
ความชาญฉลาดในการออกแบบรถยนต์เอนกประสงค์ให้มีสมรรถนะสูงมีพื้นที่ในห้องโดยสารกว้างขวาง ไม่เป็นรองใคร เทคโนโลยีอัจฉริยะภายใต้แนวคิดนิสสันอินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ ทำให้ครอบครัวหรือเพื่อนฝูงร่วมเดินทางไปด้วยกันได้อย่างมั่นใจ
วินเซนต์ วิจเนนผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดประจำภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย กล่าว นิสสันเทอร์รา ใหม่ พัฒนาบนแชสซีส์อเนกประสงค์แบบขั้นบันได ซึ่งทำให้ตัวถังเหนียวแน่นและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เหมาะกับการขับขี่บนทางแบบออฟโรดระบบกันสะเทือนด้านหลังเป็นแบบไฟว์-ลิงค์ คอยล์สปริง และเพลาหลังที่มั่นคงแข็งแรงสร้างความมั่นใจว่าความสะดวกสบายและความนุ่มนวลที่มาพร้อมกับความทนทานและความแข็งแกร่ง
ในฟิลิปปินส์เครื่องยนต์ดีเซล YD25 มีสมรรถนะสูงสุด 190 แรงม้าและแรงบิดขนาด 450 นิวตันเมตร อัตราเร่งที่ดี และต่อเนื่องไม่เป็นรองใครนิสสันเทอร์ราใหม่ยังโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำหน้าเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยยิ่งกว่าและมั่นใจยิ่งขึ้นด้วย นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ ประกอบด้วยระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง,ระบบเตือนจุดบอดกับจุดอับสายตาและกล้องอัจฉริยะมองรอบทิศทาง พร้อมระบบตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหว
นิสสันเทอร์รา เป็นรถเอสยูวีรุ่นแรกที่มาพร้อมกระจกมองหลังอัจฉริยะ ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นทัศนวิสัยด้านหลัง โดยไม่มีการบดบังในห้องโดยสาร จากกล้องที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังของรถเทคโนโลยีความปลอดภัย ยังมาพร้อมการควบคุมที่ดียิ่งขึ้นด้วยระบบ 4WD-DIFF หรือ ดิฟเฟอเรนเชียล-ล็อก 4 ล้อ และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน รวมถึงระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ที่ช่วยควบคุมความเร็วเมื่อขับขี่ลงในเส้นทางที่ลาดชัน
รถยนต์เอสยูวีรุ่นนี้คือ ยนตรกรรมที่สมบูรณ์แบบสำหรับภูมิภาคนี้ ด้วยระยะความสูงจากพื้นถึงท้องรถถึง 225 มม. ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายจากการขับขี่บนถนนขรุขระและเส้นทางที่ไม่ราบเรียบรวมถึงในพื้นที่น้ำท่วมอีกด้วย..นับเป็นอีกหนึ่งยนตรกรรมจากฐานผลิตไทยที่จะผงาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
|