• หน้าแรก
  • รุ่นรถยนต์/อีวี
  • รุ่นจักรยานยนต์
  • รุ่นรถแทรกเตอร์
  • รถเกี่ยวข้าว/Smart Farm
  • เครื่องยนต์อเนกประสงค์
  • ค้นหาผู้จำหน่าย
  • กระดานซื้อขาย/MotorShow
  • ข่าวเด่นรถยนต์Œ/รีวิวรถยนต์
  • ติดต่อโฆษณา

ข่าวรถแทรกเตอร์-เกษตรอัจฉริยะ | ข่าวรถยนต์-รถอีวี | ข่าวรถจักรยานยนต์-รถบิ๊กไบค์

โปรโมชั่น รถแทรกเตอร์ | โปรโมชั่น รถยนต์ | โปรโมชั่น รถจักรยานยนต์


อุตฯรถยนต์ไทย จะรักษาสถานะ
‘ฮับการผลิต’ อย่างไร เมื่อโลกทิ้งรถสันดาป



ขอบคุณ ประชาชาติธุรกิจ(25 ม.ค. 2025) [367 Views]

อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นภาคอุตสาหกรรมสำคัญอันดับต้น ๆ ของไทยมาเป็นเวลายาวนาน จากการที่ไทยเป็นศูนย์กลาง การผลิตรถยนต์ของเอเชียและหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตของโลก แต่ด้วยแนวโน้มอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยียานยนต์ ไฟฟ้าเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด และทำให้โครงสร้างการผลิตแบบเดิมไม่เป็นที่ต้องการของตลาด ประกอบกับกำลังซื้อ ในประเทศที่อ่อนแอลง ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

เมื่อโลกกำลังจะทิ้งรถยนต์สันดาป และอุตสาหกรรมรถยนต์กำลังจะเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยีใหม่ ๆ จึงเป็นโจทย์ใหญ่ว่า ไทยที่เคยเป็นดาวเด่นในการผลิตรถยนต์สันดาปจะรักษาสถานะการเป็นฐานการผลิตต่อไปได้หรือไม่ ท่ามกลางความท้าทายมากมายหลายประการ รวมถึงการที่รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนซึ่งกำลังขยายส่วนแบ่งในตลาดโลก นั้นเน้นผลิตและใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ จึงยากที่ไทยจะหวังเป็นฐานการผลิตของรถยนต์ไฟฟ้าจีน อย่างที่เคยเป็นฐานการผลิตรถญี่ปุ่น

ยานยนต์ไทยขาลง ตลาดหด การผลิตหาย

ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกำลังอยู่ในช่วงขาลง สังเกตได้จากการผลิตและยอดขายที่ตกต่ำ และการจ้างงานที่ลดลง ดังข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยระบุว่า ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2024 ไทยผลิตรถยนต์ลดลง 20.14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YOY) การส่งออกลดลง 8.21% และยอดการจำหน่ายในประเทศหดตัวกว่า 26% ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ ของสถาบันทางการเงิน ในทางกลับกัน การนำเข้ารถยนต์ประกอบสำเร็จรูป (CBU) กลับเพิ่มขึ้น

หากตลาดในประเทศยังหดตัวต่อไป ย่อมดึงดูดบริษัทรถยนต์รายใหม่เข้ามาได้ยาก ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์ที่ผลิตในไทยอยู่เดิมอาจพิจารณาย้ายฐานการผลิตออกจากไทยเพิ่มขึ้น ดังที่พบเห็นได้ในปีที่ผ่านมา ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ประกาศจะปิดโรงงานภายในสิ้นปี 2025 เช่นเดียวกับ ซูบารุ (Subaru) ที่ตัดสินใจยุติการผลิตในไทยแล้วนำเข้ามาขายทั้งคัน (CBU) แทน แล้วเมื่อการผลิตลดลง การจ้างงานก็จะลดลงตามไปด้วย เกิดเป็นผลกระทบขนาดใหญ่ต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม

ทั้งนี้ จากข้อมูลของระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีแรงงานทำงานในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์กว่า 850,000 คน ครอบคลุมทุกขั้นตอนการผลิต ซึ่งนับรวมผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ (OEM) และผู้ผลิตชิ้นส่วนซ่อมบำรุง (REM) ด้วย

ญี่ปุ่นยังอยากร่วมทางกับไทย

ตามข้อมูลจากกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (METI) ไทยและญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกันมายาวนานกว่า 60 ปี มีการแบ่งปันเทคโนโลยีและองค์ความรู้ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแรง ซึ่งกว่า 80% ของการผลิตรถยนต์ในไทยนั้นเป็นของค่ายรถญี่ปุ่น

ที่ผ่านมาญี่ปุ่นเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่สุดในไทย โดยมีการลงทุนสะสมระหว่างปี 2013 ถึงปี 2022 อยู่ที่ประมาณ 1 ล้านล้านบาท มีบริษัทญี่ปุ่นกว่า 5,856 แห่งดำเนินการในไทย ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งสร้างตำแหน่งงานกว่า 1.4 ล้านตำแหน่ง และช่วยพัฒนาทักษะระดับสูงให้แก่แรงงานแล้วกว่า 70,000 คน

ทั้งนี้ METI นำเสนอข้อมูลดังกล่าวในงานเสวนานโยบายว่าด้วยพลังงานและอุตสาหกรรม (Energy and Industry Dialouge : EID) และแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับทิศทางความร่วมมือระหว่างไทย-ญี่ปุ่น โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา ซึ่งงานนี้จัดโดยความร่วมมือของ METI สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร กรุงเทพฯ) สมาคมความร่วมมือทางเทคนิคโพ้นทะเลและคู่ค้ายั่งยืนทางธุรกิจ (AOTS) กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ของไทย

ในงานนี้ มัตสึโอะ ทาเกฮิโกะ รองปลัดกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (METI) ของญี่ปุ่นยืนยันว่า ญี่ปุ่นพร้อมยกระดับความร่วมมือกับไทย เพื่อจัดการกับความท้าทายจากการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางฐานการผลิตและการส่งออกยานยนต์ต่อไป

เมื่อญี่ปุ่นพูดเช่นนั้นแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับฝั่งไทยด้วยว่าจะปรับตัวตามและก้าวไปพร้อมกับญี่ปุ่นได้หรือไม่

คำกล่าวของรองปลัดกระทรวง METI ที่ว่า ค่ายรถญี่ปุ่นยังอยากร่วมงานกับไทย สะท้อนให้เห็นผ่านความร่วมมือต่าง ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างเช่น โครงการทดลองโซลูชั่นการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ในไทยของอีซูซุ ผ่านโครงการ “การร่วมสร้างสรรค์อนาคตของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา” (The Global South Future-Oriented Cocreation Project) และความร่วมมือด้านพลังงานไฮโดรเจนผ่านการลงนาม MOU ระหว่างสมาคมไฮโดรเจนประเทศไทยกับสมาคมไฮโดรเจนประเทศญี่ปุ่น (JH2A) รวมถึงโครงการที่กำลังพัฒนาด้านเทคโนโลยีพลังงานไฮโดรเจนในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ซึ่งมุ่งเน้นการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้รถบรรทุกไฟฟ้าประเภทเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle Truck : FCEV Truck)

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีโครงการทดสอบ HVO (Hydro Vegetable Oil) หรือน้ำมันไบโอดีเซลจากน้ำมันพืชใช้แล้ว เป็นการศึกษาวิจัยน้ำมัน e-Fuels จากความร่วมมือผ่าน MOU ของบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด บริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังให้การสนับสนุนด้านการรีไซเคิลยานยนต์ไทยมานับตั้งแต่ปี 2017 และเริ่มโครงการความร่วมมือทางเทคนิคแล้วเมื่อเดือนสิงหาคม 2024 ซึ่งญี่ปุ่นจะแบ่งปันประสบการณ์ และความรู้เกี่ยวกับการรีไซเคิลยานยนต์ให้แก่ไทยอีกด้วย


สารพัดความท้าทายที่ไทยต้องเผชิญ

ในอดีตที่ผ่านมา รถกระบะหรือรถปิกอัพเป็น Product Champion อันดับ 1 สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ของไทย โดยมีการใช้ชิ้นส่วนและวัตถุดิบภายในประเทศ หรือโลคอลคอนเทนต์ (Local Content) กว่า 92% ของทั้งหมด ตามมาด้วยรถยนต์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรืออีโคคาร์ (Eco Car) ใช้โลคอลคอนเทนต์สัดส่วน 76% และรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) 62%

แต่สิ่งที่เป็นความท้าทายและน่ากังวลก็คือ การเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีพลังงานอื่น ๆ เพื่อไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน จะทำให้ผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทานรถยนต์ต้องล้มตายไปจำนวนมาก เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าใช้สิ้นส่วนน้อยกว่ารถยนต์สันดาปมากอย่างมีนัยสำคัญ

สมพล ธนาดํารงศักดิ์ นายกสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย กล่าวว่า การเปลี่ยนผ่านรถยนต์สับดาปเป็นอีวี จะส่งผลกระทบให้ความต้องการใช้อุปกรณ์และชิ้นส่วนรถยนต์ลดลงไปในสัดส่วนที่สูงมาก จากที่รถยนต์สันดาปใช้ชิ้นส่วน 30,000 ชิ้น/คัน รถยนต์ไฟฟ้าจะใช้เพียง 3,000 ชิ้น/คัน กล่าวคือความต้องการใช้ชิ้นส่วนหายไป 90%

นอกจากนี้ ข้อมูลจากไอเอ็นจีแบงก์ (ING Bank) ระบุว่า ระบบส่งกำลังของเครื่องยนต์สันดาปมีชิ้นส่วนราว 1,400 ชิ้น ในขณะที่ระบบส่งกำลังยานยนต์ของรถอีวีมีชิ้นส่วนราว 200 ชิ้นเท่านั้น ลดลงจากเดิมมากถึง 86%

ในหัวข้อการอภิปรายตอนหนึ่งในงานเสวนาข้างตน ว่าด้วยความท้าทายของอุตสาหกรรมยานยนต์ประเทศไทยในฐานะที่เป็นฐานการผลิตยานยนต์ของภูมิภาค สุรภูมิ อุดมวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้แยกความท้าทายของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไทยออกเป็น 2 ประเด็น

หนึ่ง คือ ไทยต้องรักษาขีดความสามารถการผลิตเอาไว้ให้ได้ ท่ามกลางสถานการณ์ยอดขายในประเทศที่ตกต่ำลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมียอดขายเพียงแค่ 570,000 คันเท่านั้นในปี 2024 และยังมีการนำเข้ารถยนต์ทั้งคัน (CBU) เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาคการผลิตและการส่งออกอย่างมาก

สอง คือ การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างไรก็ตาม สุรภูมิกล่าวว่า ไม่มีระบบส่งกำลังรถยนต์ (Powertrain System) ระบบใดเพียงระบบเดียวที่ตอบสนองต่อทุกความต้องการของผู้บริโภคได้ทั้งหมด ดังนั้น การดำเนินนโยบายพัฒนาโปรดักต์รถยนต์ด้วยแนวทางที่หลากหลายจึงเป็นกุญแจสำคัญ นอกจากนี้ การนับปริมาณคาร์บอนควรวัดทั้งหมดตั้งแต่ที่ปล่อยออกมาจากกระบวนการผลิตไปจนถึงปริมาณที่ปล่อยออกมาในการขับเคลื่อน (Well to Wheel)

ด้าน ภาสกร ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมของไทย ยอมรับว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกำลังตกต่ำจริง ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2024 อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีการผลิตหดตัวลง 11% (YOY) และยอดขายในประเทศตกต่ำลงกว่า 26% แต่อย่างไรก็ตาม ทางการไทยไม่ได้นิ่งเฉยและคอยเจรจาปรับปรุงนโยบายกับภาครัฐและภาคเอกชนญี่ปุ่นอยู่เสมอ

จุดแข็งเดิมอาจกลายเป็นจุดอ่อน

อินุซากะ นาโอโตะ บริษัท เด็นโซ่ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์และ OEM ในระดับ Tier 1 ในไทย เปิดประเด็นที่น่าสนใจบนเวทีอภิปรายดังกล่าวว่า ความท้าทายของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปัจจุบันและอนาคตอยู่ในสิ่งที่เป็นจุดแข็งของไทยเอง นั่นคือ “ห่วงโซ่อุปทานรถสันดาป” ซึ่งไทยแข็งแกร่งมาก

อินุซากะกล่าวว่า ที่ผ่านมาไทยมุ่งเน้นแต่กับเครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นหลัก ดังนั้น ซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนประกอบรถยนต์สันดาปในไทยจำเป็นต้องปรับตัวอย่างมากเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

ในอนาคตไทยอาจจำเป็นต้องมีโครงการทดสอบประสิทธิภาพของเชื้อเพลิงรูปแบบต่าง ๆ ดังนั้น ไทยยังต้องนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อพัฒนาระบบการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ในการควบคุมคุณภาพของเชื้อเพลิงให้มีเสถียรภาพ นอกจากนั้น ไทยอาจต้องนำหุ่นยนต์ (Robotic) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาปรับใช้เพื่อเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) เพื่อก้าวเข้าสู่ Digital Transformation (DX)

ไทยต้องทำอย่างไรให้ได้เป็นฮับการผลิตต่อไป

สำหรับโจทย์ใหญ่ที่ว่า ไทยต้องทำอย่างไรให้ได้เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ของภูมิภาคและฐานการผลิตอันเป็นที่โปรดปรานของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นต่อไป ผู้ร่วมเสวนาทุกคนเห็นตรงกันว่าจะต้องมีการทำงานร่วมกันของภาครัฐและเอกชน ในการวางโครงสร้างพื้นฐานและนโยบายรองรับ

สุรภูมิ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย สะท้อนความต้องการให้มีมาตรการรับมือกับความอ่อนแอของตลาดภายในประเทศ

ส่วน อินุซากะ จากเด็นโซ่ สนับสนุนให้มีการเจรจากลยุทธ์ธุรกิจด้วยแนวทางที่หลากหลาย (Multi Pathway) กล่าวคือไม่ยึดติดอยู่กับการใช้พลังงานทางเลือกแค่แบบเดียว

ส่วน ภาสกร เห็นความสำคัญในการผ่อนปรนกฎระเบียบบางข้อ เพื่อให้อุตสาหกรรมเดินหน้าต่อไปได้

นอกจากนั้น สุรภูมิและภาสกรกล่าวถึงปัญหารถยนต์เก่าที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังจะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิตด้วย

สุรภูมิมองว่า ไทยยังขาดมาตรการจัดการกับรถยนต์ที่หมดอายุการใช้งาน (End of Life Vehicle) อย่างเหมาะสม ซึ่งหากปล่อยไว้อาจส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันได้

อย่างไรก็ตาม ภาสกรย้ำว่าต้องพิจารณาแนวทางต่าง ๆ อย่างระมัดระวัง ไม่ให้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมหลักของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บรวบรวม ถอดแยกชิ้นส่วน และนำชิ้นส่วนกลับมาใช้ใหม่

นอกจากนั้น สุรภูมิและภาสกรเห็นตรงกันด้วยว่า อุตสาหกรรมจะมีการเติบโตอย่างยั่งยืนได้ สิ่งสำคัญคือ ต้องมีการพัฒนาบุคลากร การพัฒนาทักษะ (Upskill) และการเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับแรงงานเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

ด้านการรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน สุรภูมิต้องการให้มีนโยบายสนับสนุน Product Champion ทั้ง 3 ตัว ซึ่งได้แก่ รถปิกอัพ รถอีโคคาร์ และรถยนต์ไฮบริดต่อไปผ่านการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี หรือมาตรการจูงใจอื่น ๆ

ขณะที่อินุซากะต้องการให้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อเป็นพื้นที่ให้ภาครัฐและเอกชนสามารถทำงานร่วมกัน ทั้งนี้ กระทรวง METI ของญี่ปุ่นได้มีการพัฒนาระบบดังกล่าวอยู่ และยินดีแบ่งปันให้กับรัฐบาลไทยได้ใช้งาน

ด้านเทคโนโลยีเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน สุรภูมิต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนด้านการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์ ส่วนอินุซากะกล่าวถึงความจำเป็นในการสร้างเทคโนโลยีที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับ (Tracability) เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาพลังงาน เช่นเดียวกับภาสกรที่มองว่าฐานดิจิทัลในไทยยังตามหลังเพื่อนบ้านอยู่มาก

ด้านความร่วมมือระดับประเทศ อินุซากะและภาสกรมองตรงกันว่า ไทยและญี่ปุ่นสามารถถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกันได้ อย่างที่ผ่านมากระทรวง METI และเด็นโซ่ได้มอบความรู้ที่สำคัญอย่าง Industry 4.0 และ Lean Industrial ให้แก่ประเทศไทย

สุดท้าย สุรภูมิเน้นย้ำความกังวลเรื่องการนำเข้ารถ CBU ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ว่า ไทยจำเป็นต้องพิจารณาว่ามีมาตรการการค้าที่เหมาะสมเตรียมไว้รับมือบ้างแล้วหรือยัง




ความคิดเห็น



ข่าวน่าสนใจ Hot News
ผ่าแผนมาสด้า ทุ่ม 5พันล้าน เปิดรถไฟฟ้าในไทย
อุตฯรถยนต์ไทย จะรักษา
‘ฮับการผลิต’ อย่างไร
เมื่อโลกทิ้งรถสันดาป
ตลาดมอเตอร์ไซค์ไม่ฟื้น ยามาฮ่าหวังขาย 2.47 แสนคัน
ไทยฮอนด้า เปิด 2 โมเดล Honda PCX160 & Honda Giorno+
ยันม่าร์ ร่วมเปิดตัว "เจียไต๋ เอ็กซ์พีเรียนซ์"
สยามคูโบต้า จับมือ DJI จัดการแข่งขันโดรนการเกษตร
เปิดตัว! จอบหมุน ฟาร์มเทค พรีเดเตอร์ แกร่ง แรง เร็ว







หมวดยานยนต์-แทรกเตอร์ โปรโมชั่น-ข่าวเด่น-รีวิว 108เอ็นจินดอทคอม
รถอีวี /รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โปรโมชั่นรถยนต์ /รถแทรกเตอร์ /จักรยานยนต์ หน้าแรก108engine.com
รถอีโคคาร์ ข่าวรถยนต์-รถไฟฟ้า ข้อตกลงการใช้งาน
รถกระบะ-รถอเนกประสงค์ ข่าวรถแทรกเตอร์-SMART FARM นโยบายความเป็นส่วนตัว
รถแทรกเตอร์ ข่าวรถจักรยานยนต์-รถบิ๊กไบค์ ติดต่อโฆษณา Advertise With Us
รถเกี่ยวนวดข้าว MOTOR SHOW / TRACTOR SHOW ติดต่อเรา Contact Us
รถจักรยานยนต์ ทัวร์ร้านค้ายานยนต์ทั่วไทย  
รถบิ๊กไบค์ รีวิว รถยนต์-รถอีวี  
เครื่องยนต์อเนกประสงค์ รีวิว รถจักรยานยนต์-รถบิ๊กไบค์  
Follow us
   
Where you can buy Louis Vuitton imitazioni Louis Vuitton taschen replica:

High Quality Replica Handbags Fake Louis Vuitton Bags Louis Vuitton Handbags Replica Louis Vuitton bags Replica Fake Louis Vuitton Bags Louis Vuitton bags Replica Fake Louis Vuitton Bags Louis Vuitton Handbags Replica Louis Vuitton Handbags Replica Louis Vuitton Handbags Replica Fake Jewelry Online Louis Vuitton Handbags Replica High Quality Replica Handbags Fake Louis Vuitton Bags High Quality Replica Handbags Fake Louis Vuitton Bags Fake Jewelry Online High Quality Replica Handbags High Quality Replica Handbags Louis Vuitton Handbags Replica Louis Vuitton Handbags Replica Fake Jewelry Online Fake Louis Vuitton Bags Louis Vuitton Handbags Replica Fake Jewelry Online Handbags Replica Louis Vuitton Handbags Replica Fake Louis Vuitton Bags High Quality Replica Handbags Handbags Replica Fake Jewelry Online Fake Jewelry Online Fake Louis Vuitton Bags Fake Louis Vuitton Bags High Quality Replica Handbags Louis Vuitton Handbags Replica Louis Vuitton Handbags Replica Fake Jewelry Online Louis Vuitton Handbags Replica Fake Jewelry Online High Quality Replica Handbags High Quality Replica Handbags Louis Vuitton Handbags Replica Handbags Replica Louis Vuitton Handbags Replica High Quality Replica Handbags High Quality Replica Handbags Louis Vuitton Handbags Replica Louis Vuitton Handbags Replica High Quality Replica Handbags

Copyright © 2000 - 2025  108Engine Dot Com All Rights Reserved
 
cheap air max|cheap air jordans|pompy wtryskowe|cheap huarache shoes| bombas inyeccion|cheap jordans|cheap sneakers|wholesale jordans|cheap china jordans|cheap wholesale jordans|cheap jordans|wholesale jewelry china