|
ขอบคุณข้อมูล MGR Online (12 ก.ค. 2560) [1294 Views]
|
นับเป็นอีกหนึ่งค่ายรถจักรยานยนต์ยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มนักบิดในบ้านเรามาอย่างต่อเนื่อง สำหรับค่ายส้อมเสียง ยามาฮ่า ล่าสุด เพิ่งผ่านพ้นครึ่งปีแรกไปหมาดๆ ประกาศโกยยอดขายไปแล้วกว่า 1.4 แสนคัน หรือมีอัตราการเติบโต 12% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน พร้อมแย้มส่งโมเดลใหม่อีก 2 รุ่น รุกหนักต่อในครึ่งปีหลัง
หนึ่งในนั้นคือ เอ็กซ์-แม็กซ์ สกู๊ตเตอร์พิกัด 300ซีซี. คาดเตรียมเปิดตัวทำตลาดเร็วๆ นี้
จินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า
การเติบโตของยอดขายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาดีเกินคาด จริงๆ ยอดขายของเราได้รับการตอบรับที่ดีมาตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อนแล้ว เป็นเพราะโมเดลใหม่ๆ ที่ทยอยเปิดตัวสู่ตลาด สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ เหตุนี้จึงส่งผลให้โดยเฉลี่ยในทุกๆ โมเดล หลังสั่งจองลูกค้าต้องรอประมาณ 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือน เป็นอย่างน้อย
นั่นเป็นคำกล่าวของ จินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กับการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเกี่ยวกับกระแสตอบรับของผลิตภัณฑ์ในช่วง 6 เดือนแรก(ม.ค.-มิ.ย.)ของปี 2017 พร้อมเผยถึงตัวเลขภาพรวมตลาดสองล้อในเมืองไทยต่อว่า
งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล ออโต ซาลอน 2017 / กิจกรรมรุกพื้นที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้า
ยอดขายโดยรวมครึ่งปีมีประมาณ 9.5 แสนคัน คิดเป็นอัตราการเติบโต 4.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยกลุ่มที่ได้รับความนิยมและเติบโตมากที่สุดคือกลุ่มสปอร์ต ขณะที่ยอดขายของยามาฮ่าทำได้ประมาณ 1.4 แสนคัน เพิ่มขึ้น 12% และมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 15% ของตลาดโดยรวมทั้งหมด
หากย้อนถึงเป้าหมายตามที่ค่ายส้อมเสียงเคยประกาศไว้ตั้งแต่ต้นปี อยู่ที่ 285,000 คัน และต้องการส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 16.3% จากผลงานในขณะนี้ดูเหมือนว่าจะทำได้ไม่ยากนัก ซึ่งความสำเร็จที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการใช้กลยุทธ์หลักของแบรนด์สโลแกน Revs Your Heart เร่งชีวิต ให้เร้าใจ รุกตลาดต่อเนื่อง มุ่งเน้นเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย และดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของตลาดในหลากหลายรูปแบบเข้าสู่ตลาด เพื่อให้โดนใจผู้ใช้รถจักรยานยนต์ได้มากยิ่งขึ้น ทั้งในกลุ่มรถจักรยานยนต์ออโตเมติก ที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มวัยรุ่นซึ่งเป็นลูกค้าเป้าหมายหลัก และกลุ่มรถจักรยานยนต์ครอบครัวที่จะเน้นด้านกิจกรรมส่งเสริมการขายในพื้นที่
สำหรับกิจกรรมส่งเสริมการขายเป็นส่วนที่ยามาฮ่าให้ความสำคัญเป็นพิเศษ อย่างพวกมอเตอร์สปอร์ตก็เป็นเวทีพิสูจน์สมรรถะของตัวรถและส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ ขณะที่ในกลุ่มไลฟ์สไตล์อย่างโมเดลใหม่ล่าสุด คิวบิกซ์ ก็เน้นกิจกรรมโรดโชว์ในทุกพื้นที่ที่เป็นจุดศูนย์รวมและคาดว่าจะเข้าถึงกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้าชั้นนำ สถานศึกษา และร้านผู้จำหน่าย เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึงของกลุ่มลูกค้าทุกเพศ ทุกวัย ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ กล่าว
โดยล่าสุด ภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล ออโต ซาลอน 2017 ยามาฮ่ายกทัพรถแต่งไปร่วมงานอย่างคับคั่ง ภายใต้แนวคิด Yamaha Rev Salon ด้วยการจับมือกับ 4 สำนักแต่งชั้นนำของเมืองไทย ได้แก่ X-Speed, Morin Racing, Murazaki และ Art Room 24 Designed by Joe จัดการแปลงโฉมโมเดลยอดนิยม ประกอบด้วย คิวบิกซ์, แอร็อกซ์, เอ็ม-สแลซ, อาร์3 และอาร์15 ที่เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับเหล่านักบิดนำไปต่อยอดการตกแต่งรถจักรยานยนต์ในสไตล์ของตนเองที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมจัดโปรโมชั่นสินค้า Apparel & Accessories ที่มาจำหน่ายราคาพิเศษมากมาย ในพื้นที่จัดแสดงอาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 5-9 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันนอกจากการรุกจัดกิจกรรมในทุกพื้นที่แล้ว ภายในครึ่งปีหลังนี้ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า ค่ายส้อมเสียงกล่าวต่อว่า บริษัทฯ มีแผนเตรียมเปิดตัวโมเดลใหม่อีก 2 รุ่น อีกด้วย แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า หนึ่งในโมเดลใหม่นั้นคือรุ่น เอ็กซ์-แม็กซ์ (X-Max) บิ๊กสกู๊ตเตอร์ขนาด 300 ซีซี. ที่เพิ่งเปิดตัวในตลาดยุโรปเมื่อปลายปีก่อนนั่นเอง
ฝั่งยุโรปเปิดตัวทำตลาดแล้วอยู่ที่ 4,949 ปอนด์ หรือประมาณ 2.25 แสนบาท
กล่าวถึงจุดเด่นของเอ็กซ์-แม็กซ์ ด้านการออกแบบภายนอกได้รับการถ่ายทอดดีเอ็นเอความปอร์ตมาจากออโตเมติกรุ่นใหญ่ในค่ายอย่างที-แม็กซ์ (T-Max) รูปร่างหน้าตาจึงมีความโฉบเฉี่ยวล้ำสมัย ให้ภาพลักษณ์ของบิ๊กสกู๊ตเตอร์สายพันธุ์สปอร์ตที่ชัดเจน
ด้านออฟชั่นติดรถมีระบบแทร็กชันคอนโทรลช่วยป้องกันล้อหมุนฟรี กุญแจคีย์เลส Smart Key เพียงพกไว้ไม่ต้องเสียบที่ตัวรถก็สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ ระบบไฟ LED หน้า-หลัง พื้นที่ใต้เบาะรองรับสัมภาระขนาดใหญ่ ใส่หมวกกันน็อกแบบฟูลเฟสได้ 2 ใบ และมีรูเสียบชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาด 12V อยู่ที่ช่องเก็บของด้วย
ขณะที่ขุมพลังขับเคลื่อน ติดตั้งเทคโนโลยีเครื่องยนต์ Blue Core สูบเดียว 4 จังหวะ ปริมาตรความจุ 292 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุด 20.6 kW ที่ 7,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 29 นิวตันเมตร ที่ 5,750 รอบต่อนาที ส่งกำลังขั้นสุดท้ายด้วยสายพาน V-Belt ระบบเบรก ABS ดิสก์หน้า-หลัง ขนาดยางหน้า120/70-15 และหลัง 140/70-14 ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง 13 ลิตร น้ำหนักรวมของเหลว 179 กิโลกรัม
ใครที่เป็นสาวกสองล้อออโตเมติก ถ้าพิจารณาจากสเป็กแล้วคงถูกอกถูกใจไม่น้อย แต่สุดท้ายอำนาจตัดสินใจน่าจะอยู่ที่ราคาจำหน่ายเป็นตัวกำหนด
ฝั่งตลาดยุโรปเปิดตัวทำตลาดแล้วอยู่ที่ 4,949 ปอนด์ หรือประมาณ 2.25 แสนบาท (อ้างอิงราคาจาก www.yamaha-motor.eu) เมื่อถึงคิวทำตลาดในบ้านเรา คาดว่าจะต้องนำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย ค่าตัวจะอยู่ที่เท่าไร ต้องรอลุ้นกันอีกที
อนึ่ง เพิ่มเติมข้อมูลสักหน่อย หากเทียบกับคู่แข่งตัวฉกาจของค่ายปีกนกในรุ่น ฟอร์ซ่า 300 (Forza300) ที่ยุโรปขาย 4,699 ปอนด์ หรือประมาณ 2.14 แสนบาท (อ้างอิงราคาจาก www.honda.co.uk) ซึ่งในไทยรุ่นนี้มีจำหน่ายอยู่แล้ว ราคา 159,000 บาท.
|