|
ขอบคุณข้อมูล MGR Online (26 ม.ค. 2560) [1603 Views]
|
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจากกระแสความนิยมรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่หรือบิ๊กไบค์ในเมืองไทยที่กำลังโตวันโตคืน แน่นอนย่อมส่งผลให้กลุ่มธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องได้รับอานิสงส์จากเทรนด์ดังกล่าวเพิ่มขึ้น ทั้งในแง่อัตราการเติบโต ตลอดจนภาวะทิศทางการแข่งขันที่เข้มข้นตามไปด้วย...แต่จะมีกลุ่มไหนน่าสนใจและโดดเด่นชวนจับตามองบ้าง ผู้จัดการมอเตอริ่ง สำรวจ 4 ธุรกิจแบรนด์ดังซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นตัวท็อปและกำลังมาแรงในขณะนี้
หมวกกันน็อก สิ่งจำเป็นและเป็นแฟชั่น
สริวุฒิ ลีละพัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ เปอร์เฟกต์ ไรด์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายหมวกกันน็อกเรียล (Real) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีคู่แข่งแบรนด์ใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นไปตามภาวะตลาดบิ๊กไบค์ที่กำลังได้รับความนิยม โดยเฉพาะกลุ่มหมวกกันน็อกแบบสปอร์ตหรือแบบเต็มใบ ล่าสุดนับรวมแบรนด์ไทยและต่างประเทศน่าจะมีสูงถึง 20 กว่ายี่ห้อ
ย้อนไปเมื่อ 2-3 ปีก่อน ตัวเลือกยังไม่เยอะเท่านี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคนิยมมีหมวกมากกว่าหนึ่งใบ อาจซื้อตามความชอบ คล้ายการซื้อรองเท้าที่ไม่จำเป็นต้องมีคู่เดียว ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน หมวกกันน็อกเป็นสินค้าที่อยู่ในกลุ่มจำเป็นต้องใช้และคาบเกี่ยวอยู่ในกลุ่มแฟชั่นด้วย แต่จริงๆ อายุการใช้งาน ถ้าใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน ควรเปลี่ยนทุก 2 ปี ขณะที่หากดูมาตรฐาน ในบ้านเราใช้ มอก. ส่วนในระดับสากลก็ใช้ตามโซนการทำตลาดที่เจ้าของพื้นที่กำหนด มีทั้งอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งแต่ละมาตรฐานก็มีพื้นฐานใกล้เคียงกัน สริวุฒิ กล่าวและว่า
สำหรับมูลค่าตลาดรวมจะไม่สามารถอ้างอิงกับยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ได้ เพราะราคาหมวกแต่ละใบแตกต่างกันมาก ตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักหมื่น ส่วนของเรียลมีราคาเริ่มต้นประมาณ 1 พันบาทปลายๆ และสูงสุดที่ 6พันบาทต้นๆ โดยมียอดขายเฉลี่ยต่อปีประมาณ 70,000 ใบ มีอัตราเติบโตมากกว่า 20% ต่อปี และเราเชื่อว่าเรียลเป็นเบอร์หนึ่งในตัวเลือกหมวกแบรนด์ไทยที่ผ่านมาตรฐานสากล(ECE จากยุโรป) ซึ่งกลุ่มนี้มีประมาณ 5 ยี่ห้อ
ในส่วนของช่องทางจำหน่ายทั่วประเทศมีประมาณ 400 แห่ง แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 40% ต่างจังหวัด 60% และในปีนี้ตั้งเป้าจะขยายในจุดที่ยังขาดตัวแทนจำหน่ายอีกประมาณ 50 แห่ง โดยส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด
ยอดขายบิ๊กไบค์เท่าไร ไรด์ดิ้งเกียร์ ก็เติบโตเท่านั้น
ภาณุเดช ศรีเชื้อ Chief Executive Officer บริษัท ไบค์บูติก จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์เสริมความปลอดภัย แบรนด์เฮลด์ (Held) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดเผยว่า เฮลด์เข้ามาทำตลาดในไทยช่วงปลายปี 2014 ปัจจุบันมีช่องทางจำหน่าย 5 แห่ง และจะเพิ่มอีก 4 แห่ง รวมทั้งหมดเป็น 9 แห่งภายในปีนี้
ช่วงแรกเรามีการเติบโตสูงถึง 60-70% เพราะเพิ่งเข้ามาทำตลาด ซึ่งถ้าจะหาอัตราการเติบโตที่แท้จริงต้องเทียบปีที่แล้วกับปีนี้ แต่ถึงอย่างไรก็สะท้อนถึงทิศทางการเติบโตมีแนวโน้มที่ดี แม้ปัจจุบันตัวเลือกคู่แข่งจะสูง แต่เราเองก็มีจุดเด่นที่สามารถ ตอบโจทย์ลูกค้าได้ โดยเฉพาะการให้ความรู้กับผู้บริโภคว่า สินค้าทุกยี่ห้อนั้นดีอยู่แล้ว เพียงแต่มีลักษณะการใช้งานที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของเรซซิ่งหรือทัวริ่ง
ศิริพร แสงทวี Managing Director ไบค์บูติก กล่าวเสริมว่า ความต้องการหรือการเติบโตในกลุ่มธุรกิจไรด์ดิ้งเกียร์ สามารถอ้างอิงจากยอดขายของบิ๊กไบค์ในแต่ละปีได้เลย เพราะสินค้าประเภทนี้คือสิ่งจำเป็นของคนที่ซื้อรถใหม่ต้องใช้ โดยจะเรียงตามความสำคัญ เริ่มจากหมวกกันน็อก ถุงมือ เสื้อแจ็กเก็ต กางเกง และรองเท้า ซึ่งพฤติกรรมของลูกค้าจะแยกย่อย ไปอีกว่า กลุ่มวัยรุ่นก็จะมองเรื่องแฟชั่นเป็นหลัก ส่วนวัยทำงานค่อนไปทางผู้ใหญ่ก็จะมองเรื่องคุณภาพมากกว่า
หากถามถึงเรื่องโอกาสการเติบโต ตลาดกลุ่มนี้ยังมีแนวโน้มที่ดี เหมือนเป็นธุรกิจที่เพิ่งแจ้งเกิดตามความนิยมบิ๊กไบค์ในบ้านเรา หากย้อนไป 2 ปีก่อนที่จะตัดสินใจทำธุรกิจ ตอนนั้นสำรวจแล้วพบว่ามีไรด์ดิ้งเกียร์เพียง 4-5 ยี่ห้อเท่านั้น แต่ขณะนี้ถ้านับ รวมทั้งแบรนด์หลักๆ จากต่างประเทศ ทั้งแบรนด์ไทย และสินค้าจากจีนด้วย น่าจะมีตัวเลือกประมาณ 20 ยี่ห้อได้
ตัวเลือก ยาง วัดกันที่สมรรถนะ
ปฏิภาณ ศิริจำรูญวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พาร์ทยูโร จำกัด ตัวแทนจำหน่ายยางพิเรลลี(Pirelli) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดเผยในงานแถลงข่าวเปิดตัวยางรุ่นใหม่ สำหรับรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กว่า บริษัทได้รับความไว้วางใจจากพีเรลลี อิตาลี ในการจัดจำหน่ายยางรถจักรยนต์บิ๊กไบค์ มาตลอดระยะเวลากว่า10ปี โดยยืนยันความสำเร็จด้วยยอดขายยางบิ๊กไบค์เป็นอันดับ1 ในยางประเภทเรเดียล
ตลาดโดยรวมยางเรเดียลในไทยปี 2016 มีประมาณ 40,000 เส้น พีเรลลีถือว่าเป็นผู้นำตลาด มีแชร์ประมาณ 65% และมีอัตราเติบโตเฉลี่ยประมาณ 10% ต่อปี ส่วนปีนี้ตั้งเป้าจะมีแชร์ 70% จากการที่เรามีเมทเซลเลอร์(Metzeler) เพิ่มมาอีกแบรนด์หนึ่งด้วย โดยตลาดกลุ่มนี้จะแข่งกันที่สมรรถนะ ซึ่งพีเรลลีจะมุ่งตอบโจทย์ด้านการใช้ความเร็ว ความเร้าใจ และการแข่งขัน ส่วนเมทเซลเลอร์จะโดดเด่นในด้านความปลอดภัยกับการใช้งานเดินทาง แม้ทั้งคู่จะเป็นยางที่ผลิตออกมา จากโรงงานเดียวกัน แต่มีทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์แยกส่วนกัน
สำหรับยางรุ่นใหม่ล่าสุด Angel Scooter คาดว่าจะสามารถชิงส่วนแบ่งการตลาด ในสัดส่วนของยางสำหรับรถจักรยานยนต์ ขนาดเล็ก ในกลุ่มพรีเมียมได้ 50% จากตลาดยางรถจักรยานยนต์มูลค่ารวมประมาณ 500 ล้านบาท หรือจำนวน 1 ล้านเส้น ด้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศขณะนี้มีจำนวน 150 ราย และจะเพิ่มเป็น 300 รายในปีนี้ โดยตั้งเป้ารายได้รวมของยางรถ จักรยานยนต์พีเรลลีในปี 2017 ไว้ที่ 250 ล้านบาท
ท่อแต่ง สิ่งแรกต้องเปลี่ยนหลังซื้อรถ
พฤติกรรมการเปลี่ยนท่อแต่ง นับเป็นอุปกรณ์อันดับแรกที่คนขี่มอเตอร์ไซค์โดยเฉพาะบิ๊กไบค์เลือกตัดสินใจ ไม่ใช่แค่เฉพาะในไทย แต่มันเป็นกันทั่วโลก นิติพัศวร์ พนิชย์สกุล กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วน สิรินเวนเจอร์ จำกัด และบริษัท เดวิล อีโวลูชั่น จำกัด ผู้ผลิตและนำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์เดวิล อีโวลูชั่น(Devil Evolution) กล่าวและว่า
ส่วนถามว่าเปลี่ยนแล้วดีกว่าท่อเดิมหรือไม่ ตอบในฐานะของคนที่คลุกคลีในวงการแข่งขันรถจักรยานยนต์มาก่อน ไม่เกี่ยวกับการทำธุรกิจ ท่อแต่งยังไงก็ดีกว่าท่อเดิมที่ใส่มาจากโรงงานอยู่แล้ว เพราะค่ายรถถูกกำหนดด้วยค่ามาตรฐานไอเสีย แต่ทีนี้ต้องมาดูต่อว่า ตัวเลือกของยี่ห้ออะไรดีกว่ากัน
ทั้งนี้ เกี่ยวกับท่อแต่งแบรนด์เดวิล อีโวลูชั่น มาจากต้นกำเนิดเดิมภายใต้ชื่อเดวิล เรซซิ่ง (Devil Racing) จากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเข้ามาทำตลาดในไทยตั้งแต่ปลายปี 2011 ปัจจุบันเป็นแบรนด์ท่อไอเสียสองสัญชาติ(ไทย-ฝรั่งเศส) โดยมีการเซ็นสัญญากับบริษัท ยานภัทฑ์ จำกัด มหาชน เพื่อผลิตท่อไอเสีย สามารถรองรับรถจักรยานยนต์ทั้งขนาดเล็ก และใหญ่ (แต่ปัจจุบันย้ายไปผลิตโรงงานตัวเองและ Suppler ในประเทศไทยและต่างประเทศ) อีกทั้งยังได้รับมาตรฐาน มอก. โดยเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางหรือขนาด 300-650 ซีซี มีการทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ
สำหรับเป้าหมายปี 2017 เราตั้งเป้าสนับสนุนกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตภายในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชีย เพื่อร่วมส่งเสริมเยาวชน นักแข่งในชาติของเราเอง หลังจาก 2ปีที่ผ่านมา เราอยู่ในการแข่งขันเวิล์ดซูเปอร์ไบค์ กับPTR Honda ประเทศอังกฤษ ส่วนเป้าหมายในอนาคต เดวิล อีโวลูชั่น จะเป็นท่อไอเสียระดับท็อปไฟว์ของโลกภายใน 2 ปี หรือก่อนปี 2019 ซึ่งผมมั่นใจว่าเราทำได้แน่นอน โดยปัจจุบันเราส่งออกไปที่ไต้หวัน, ญี่ปุ่น, ฮ่องกง, ออสเตรเลีย และล่าสุดเพิ่งเซ็นสัญญา ส่งไปทำตลาดที่อังกฤษด้วย นิติพัศวร์ กล่าวทิ้งท้าย
...ทั้งหมดเป็นข้อมูลความเคลื่อนไหวของ 4 ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในตลาดสองล้อขนาดใหญ่ ซึ่งพอจะทำให้เห็นภาพได้ว่ามีทิศทาง การเติบโตที่ดี และยังมีอีกหลากหลายผลิตภัณฑ์ที่เกาะเทรนด์ดันผลประกอบการพุ่งแรงตามไปด้วย หากแต่ในระยะยาว จะเป็นอย่างไร เมื่อถึงวันที่กระแสความนิยมบิ๊กไบค์เริ่มชะลอตัว คงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด.
|