|
ขอบคุณข้อมูล MGR Online (30 ต.ค. 2560) [1140 Views]
|
GM หรือ เจนแนอรัล มอเตอร์ส เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยภายใต้แบรนด์ เชฟโรเลต นับถึงเวลานี้เกือบ 2 ทศวรรษ ผ่านช่วงฮันนีมูนและช่วงยากลำบากมาอย่างครบถ้วน ล่าสุดกับความเคลื่อนไหวที่มีการปรับโครงสร้างองค์กร พร้อมจัดการบริหารใหม่หมด รวมถึงการเปลี่ยนหัวเรือใหญ่
ภาพรวมของการดำเนินงาน?
เจนเนอรัล มอเตอร์ส เวลานี้มองในภาพรวมของภูมิภาค จึงได้มีการปรับองค์กรให้กระชับเหมาะสมกับแผนการดำเนินการ ตัวเลขล่าสุดของยอดขายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เติบโตขึ้นถึง 12.5% เป็นตลาดที่ใหญ่ มีประชากรรวมถึง 600 ล้านคน มีศักยภาพสูงและยังมีอัตราการเป็นเจ้าของรถยนต์ต่ำอยู่ ดังนั้นจึงมีช่องว่างให้กับการเติบโตได้อีกมาก
การรวมบริษัทฯ เป็นหนึ่งเดียวในภูมิภาคนี้ทำให้บุคลากรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากนโยบายต่างๆ ที่เป็นหนึ่งเดียวกันตามมาตรฐานของจีเอ็ม
โคโลราโด ไฮ คันทรี่ สตรอม หัวหอกในการทำตลาด
มุมมองต่อตลาดรถยนต์ไทย?
ภาพรวมตลาดรถยนต์ไทย ปีนี้ เริ่มดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดของกระบะและเอสยูวีครองส่วนแบ่งตลาดถึง 50% เช่นเดียวกับ ตลาดโลกที่รถแบบเอสยูวีมีสัดส่วนการขายที่เติบโตขึ้น ซึ่งในเมืองไทยมีบางแบรนด์ที่ครองตลาดนี้อยู่ แต่แบรนด์ เชฟโรเลตของเราก็มีความแข็งแกร่ง เนื่องจากทำตลาดรถกระบะมานานนับ 100 ปีแล้ว ยอดขายผ่าน 7 เดือนมาเราเติบถึง 25%
สิ่งที่อยากเห็นในการเข้ามาดูแลตลาดเมืองไทย คือการเติบโตอย่างมั่นคง ไม่อยากให้เกิดการขึ้นๆ ลงๆ เหมือนเช่นที่ผ่านมา เราจึงเน้นไปที่โปรดักซ์รถกระบะและเอสยูวีในการทำตลาดเมืองไทย การที่เรามีโรงงานผลิตอยู่ที่เมืองไทยและสำนักงานใหญ่ประจำการที่กรุงเทพฯ เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ถึงการให้ความสำคัญต่อประเทศไทย ซึ่งโรงงานดังกล่าวมีกำลังการผลิตถึง 180,000 คัน ผลิตรถยนต์เพื่อรองรับตลาดในภูมิภาคนี้ได้ครบถ้วน อีกทั้งยังส่งชิ้นส่วนกลับไปป้อนตลาดอเมริการเหนือและอเมริกาใต้อีกด้วย
เทรลเบลเซอร์ อีกหนึ่งรุ่นที่สร้างยอดขายเป็นกอบเป็นกำ
โมเดลที่จำหน่าย?
สำหรับรุ่นรถที่จำหน่าย กระบะจะเป็น โคโลราโด ส่วนเอสยูวี จะเป็น เทรลเบลเซอร์ ซึ่งจะเน้นทำตลาดที่ 2 โมเดลนี้เป็นหลัก ส่วน แคปติวา ยังคงผลิตและจำหน่ายอยู่ตามปกติ ขณะที่รุ่น ครูซ หยุดการผลิตไปแล้ว แต่ยังมีจำหน่ายอยู่ และมั่นใจได้ว่าจะสำรองอะไหล่ต่อไปจนครบกำหนดตามมาตรฐาน รวมถึงการดูแลที่ทำอย่างต่อเนื่องต่อไป สำหรับรุ่นใหม่ในอนาคตขอให้รอติดตามมีเปิดตัวอย่างแน่นอน
กลยุทธ์ในการทำตลาด?
ประกอบไปด้วย 3 กุญแจสำคัญ ได้แก่
1. ผลิตภัณฑ์ เราต้องดูตลาดอย่างใกล้ชิด เปิดตัวรถที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภค
2. ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เน้นการดูแลหลังการขาย สร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ทั้งความสบายใจและประสบการณ์ที่ดีในการเข้ารับบริการ
3.นวัตกรรม เพิ่มช่องทางการติดต่อสื่อสารกับผู้บริโภค ไม่ว่จะเป็นโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ โดยเฉพาะ ไลน์ ที่ได้รับความนิยมสูงในประเทศไทย
โอกาสของรถยนต์ไฟฟ้าจากGM ในเมืองไทย?
ในตลาดโลก จีเอ็ม เป็นผู้นำเสมอ ทั้งรถขับเคลื่อนอัตโนมัติ,รถยนต์ไฟฟ้าและรถแบบแบ่งกันใช้(Car Sharing) สำหรับประเทศไทย เห็นด้วยกับนโยบาย ไทยแลนด์4.0 แต่การจะทำรถยนต์ไฟฟ้าต้องดูปัจจัยหลายอย่างเช่น เรื่องของมาตรฐานเทคโนโลยี, ความพร้อมของชิ้นส่วนและตลาดตอบรรับเพียงพอต่อการลงทุนหรือไม่ เป็นต้น
ปัจจุบัน หากมองเฉพาะประเทศไทย ยอดขายของรถยนต์ไฟฟ้า คงยังไม่คุ้มค่าการลงทุน ทั้งนี้ยังต้องมองภาพรวมในระดับภูมิภาคด้วย แต่ในระดับโลก รถยนต์ไฟฟ้า(EV) นั้นเติบโตแน่ เพียงแต่รอมาตรฐานต่างๆ ให้นิ่งก่อน ส่วนปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเกิดได้คือ ความต้องการของลูกค้า ถ้าลูกค้าอยากได้ รถยนต์ไฟฟ้า เกิดแน่นอน
|