กระหึ่มในวงกว้าง เมื่อนักแสดงชื่อดังถูกรถยนต์เกียร์อัตโนมัติถอยชนตาย โดยไม่พบผู้ขับ ท่ามกลางความค้างคาใจว่าเกียร์คาอยู่ที่ R ได้อย่างไร? คันเกียร์เลื่อนได้เอง หรือ เพราะอะไร? เกียร์อัตโนมัติน่ากลัวขนาดนั้นเชียวเหรอ?
อ่านวิธีใช้เกียร์อัตโนมัติอย่างปลอดภัย สั้นกระชับและตรงประเด็น บทความนี้ไม่ได้แนะนำถึงวีธีการใช้เกียร์ อัตโนมัติให้เต็มประสิทธิภาพ แต่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยโดยเฉพาะ
ตำแหน่ง R ต้องตั้งใจเข้า
สำหรับรถยนต์รุ่นที่มีร่องคันเกียร์แนวตรงและมีปุ่มกดที่หัวเกียร์ การเข้าเกียร์ไปยังตำแหน่งเกียร์ถอย-R ทั้งจากเกียร์จอด-P หรือจากเกียร์ว่าง-N รถยนต์ทุกรุ่นที่เกียร์เป็นร่องตรง ต้องมีการกดปุ่มที่หัวเกียร์ และบางรุ่นต้องเหยียบเบรกพร้อมกับกดปุ่มที่หัวเกียร์ ถึงจะเลื่อนไปยังเกียร์ถอย-R ได้
หากไม่ทำเช่นนั้น จะไม่สามารถเลื่อนคันเกียร์ได้ เพราะมีสลักล็อกอยู่ แม้จะใช้ 2 มือดันสุดแรง ถ้าสลักไม่หัก ก็เลื่อนไม่ได้แน่ๆ
ในกรณีของนักแสดงกับแลนเซอร์ ซีเดีย นี้เป็นหัวเกียร์แบบมีปุ่ม การเข้าเกียร์ถอย-R ต้องมีการกดปุ่ม เกียร์จะดีดเองจาก P หรือ N ไป R ไม่ได้
เกียร์คร่อมตำแหน่ง P-R หรือ N-R
การเลื่อนคันเกียร์ไปมาระหว่างแต่ละตำแหน่ง มีระยะห่างกันก็จริง แต่ก็น้อยมาก การคาคันเกียร์คร่อมอยู่ระหว่าง 2 ตำแหน่ง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ในกรณีของนักแสดงกับแลนเซอร์ ซีเดีย ที่หลายคนเดาว่า ก่อนลงจากรถยนต์ไปเปิดประตู มีการเข้าเกียร์คร่อมตำแหน่ง P-R หรือ N-R ไว้ แล้วพอมีแรงสะเทือนก็ทำให้เกียร์ดีดเข้า R รถยนต์ก็เลยไหลได้ มีโอกาสเกิดขึ้น น้อยมาก และถ้าจริงๆ แล้วคันเกียร์คร่อมตำ แหน่งอยู่ ก็ต้องถือว่าเป็นความผิดของคนไม่ใช่ รถยนต์
ดังนั้นไม่ว่าในช่วงสตาร์ทเครื่องยนต์หรือ จะทำอะไรก็ตาม ควรแน่ใจเสมอว่าคันเกียร์อยู่ ในล็อกของตำแหน่งที่ต้องการไม่คร่อมตำแหน่ง อยู่ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะอย่างเกียร์ P ก็กดปุ่มแล้วดันไปข้างหน้าให้สุด, เกียร์ N ก็ไม่ต้องกดปุ่มแล้วดันไปข้างหน้าจะติด เพราะถ้าไม่กดปุ่มบนหัวเกียร์ ยังไงก็เลื่อนเลยไปถึง R ไม่ได้
หากคันเกียร์จะค้างคร่อมตำแหน่งอยู่ ก็เป็นความผิดของผู้ขับนั่นเอง เพราะทุกเกียร์ มีล็อกที่ชัดเจนอยู่แล้ว
กดปุ่มที่หัวเกียร์ เท่าที่จำเป็น
ควรศึกษาระบบการล็อกคันเกียร์ในรถยนต์ของตนเองว่า การเลื่อนจากตำแหน่งใดไปยังตำแหน่งอื่น ต้องกดหรือไม่ต้องกดปุ่ม ที่หัวเกียร์ แล้วจำให้ให้แม่นยำ
เช่น จาก P หรือ N ไป R ต้องกดปุ่ม (หรือเท้าอาจต้องกดเบรกด้วย), จาก R ไป P หรือมา N, จาก N ไป-มากับ D ต้องกดปุ่มหรือไม่ ฯลฯ
หากไม่ต้องกดปุ่มแล้วเลื่อนได้ ตลอดการขับก็ไม่ต้องกดปุ่ม โดยไม่ต้องกลัวว่าสลัก ล็อกจะสึกหรอ เพราะผู้ผลิตออกแบบให้ทำ ได้เช่นนั้นอยู่แล้ว
โดยทั่วไปการเลื่อนคันเกียร์จาก N มา D ขับเคลื่อนเดินหน้า จะไม่ต้องกดปุ่ม เพราะผู้ผลิตต้องการให้สะดวก ดังนั้นก็ไม่ต้องกดปุ่ม
เพราะถ้ากดปุ่ม จาก N มา D ก็อาจเลื่อนเลยลงมาเกียร์ต่ำกว่า D ได้ หรือกรณีจะผลักจาก D กลับไป N ก็อาจเลยไป R โดยไม่ตั้งใจได้
จำไว้ว่า ถ้าไม่ต้องกดปุ่มแล้วเลื่อนได้ ก็ ไม่ต้องกด ในกรณีของ N-D ถ้าไม่ต้องกดปุ่ม แล้วเลื่อนไป-มาได้ ก็ให้ระวังทั้งตนเองและผู้อื่นผลักคันเกียร์โดยไม่ตั้งใจ
หากต้องจอดแล้วติดเครื่องยนต์ไว้ และต้องลงจากรถยนต์ โดยมีผู้อื่นอยู่ในรถยนต์ (โดยเฉพาะเด็กๆ) นอกจากควรดึงเบรกมือไว้และเข้าเกียร์ P ไว้ด้วย โดยไม่ควรเข้าเกียร์ N ไว้ เพราะอาจมีใครดันมาเป็นเกียร์ D ได้
ถ้าต้องกดปุ่ม นั่นก็คือ ต้องตั้งใจเข้าเกียร์ นั้นๆ ไม่ใช่การพลั้งเผลอ เพราะไม่มีทางที่จะเลื่อนโดยไม่กดปุ่ม โดยเฉพาะเกียร์ R อย่างในข่าว
อย่าไว้ใจเบรกมือ
เมื่อดึงเบรกมือจนสุด หากรถยนต์ปกติ การเข้าเกียร์ค้างไว้ที่ D หรือ R โดยไม่แตะคันเร่ง รถยนต์จะต้องไม่ไหล แต่ไม่มีความแน่ นอนว่าเมื่อไรจะไหล เช่น สายสลิงเบรกมือยืดตัว รอบกระตุกเพราะคอมเพรสเซอร์แอร์ตัด-ต่อการทำงาน
แม้เมื่อดึงเบรกมือสุด จะมีแรงกดผ้าเบรกมาก แต่ก็แค่ 2 ล้อ และแรงกดนั้นน้อยกว่าการเหยียบเบรกอยู่มาก ดังนั้นจึงไม่ควรไว้ ใจเบรกมือ ควรคิดเสมอว่า แม้ดึงเบรกมือสุด แล้วรถยนต์ก็ยังอาจจะไหลได้
สามารถพิสูจน์ว่าเบรกมือไม่ได้มีการเบรกอย่างหนักแน่น ได้จากการที่หลายคนลืม ดึงเบรกมือค้างไว้ แล้วก็ยังขับรถยนต์ออกไปได้หลายกิโลเมตรหรือหลายสิบกิโลเมตร โดยที่รถยนต์ไม่ได้มีอัตราเร่งอืดจนแตกต่างจากปกติ นั่นคือ เบรกมือมีแรงเบรกพอสมควรเท่านั้น มิฉะนั้นคงไม่สามารถขับออกไปได้โดยหลายคนหลงลืม
จอดบนการจราจร มีผู้ขับ
หมายถึงกรณีที่ต้องจอดบนการจราจรชั่วคราว เช่น ติดไฟแดง การจราจรคับคั่ง อย่าสับสนกับกรณีของนักแสดงที่เสียชีวิต จนทำให้ตัวเรากลัวรถยนต์ไหลโดยเข้าเกียร์ P ในการจอดติดไฟแดง เพราะต่างรูปแบบกันเลย
การจอดติดไฟแดง มีผู้ขับอยู่ตามปกติ หากจอดไม่นาน ควรแตะเบรกและค้างไว้เกียร์ D เพื่อไม่ให้เกียร์มีการสึกหรอจากการสลับไป มาระหว่าง N-D หรือถ้าจอดนานสักหน่อย จะค้างไว้ที่ D พร้อมดึงเบรกมือไว้ก็ได้ ไม่อันตราย
ไม่จำเป็นต้องเลื่อนเกียร์จาก D ผ่าน N R ผ่านไปยัง P เพราะขณะนั้นมีผู้ขับควบคุมอยู่ การเลื่อนไป P ต้องผ่าน R ไฟถอยหลังจะ สว่างขึ้นชั่วครู่ จะสร้างความสับสนผู้ที่ขับรถ ยนต์จอดอยู่ข้างหลัง เมื่อต้องออกตัวครั้งต่อไป ก็ขาดความฉับไว เพราะต้องเลื่อนผ่านหลายเกียร์และไฟถอยหลังก็จะสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง
หากจอดนานหลายนาที บนการจราจร เช่นติดไฟแดง สามารถปลดมาที่เกียร์ว่าง-N ส่วนจะแตะเบรกหรือดึงเบรกมือควบคู่กันก็ ตามสะดวก เพราะยังไงก็มีผู้ขับควบคุมอยู่ตาม ปกติ
ไม่ต้องห่วงรถยนต์มาก
รถยนต์ในไทยมีราคาแพง หลายคนจึงรักมาก ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ก็ไม่ควรรักมากเกินไป รถยนต์เป็นของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้
ในกรณีของนักแสดงนี้ ถ้าเสียชีวิตเพราะ มองเห็นรถยนต์ไหลแล้ว จึงพยายามดันรถ ยนต์จนตัวเองโดนเบียดเสียชีวิต ก็คงเป็นเรื่อง ที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง ที่เสียชีวิตเพียงเพราะกลัวรถยนต์เสียหาย
ในกรณีเกียร์ P ที่จะมีสลักหรือตัวล็อก ในชุดเกียร์ควบคุมไม่ให้รถยนต์ไหล และจะหักถ้ามีรถยนต์คันอื่นมาชนอย่างแรง ก็ไม่ต้อง กลัวมากว่าสลักนั้นจะพัง หากจอดไม่ขวางใคร
เพราะการใส่เกียร์ P พร้อมเบรกมือ คือการป้องกันไม่ให้รถยนต์ไหลได้ดีที่สุด ดีกว่าใส่ เกียร์ N +พร้อมเบรกมือที่มีโอกาสเสี่ยงมากกว่า โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นที่สามารถผลักจากเกียร์ N มา D ได้โดยไม่ต้องกดปุ่ม
รถยนต์เสีย ซ่อมได้คนตายแล้วตายเลย
เพิ่มสัญญานเตือน เมื่อเข้าเกียร์ถอย-R
ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น สิ้นเปลือง หรือบางคนบอกว่าน่ารำคาญ แต่จริงๆ แล้วกลับสามารถเพิ่มความปลอดภัยได้ดี
ค่าใช้จ่ายรวมติดตั้งตามร้านประดับยนต์ ไม่น่าเกิน 500 บาท หรือถ้าไปซื้อจากแถวบ้าน หม้อ ก็ราคาตัวละไม่เกิน 100 บาท นำมาติดตั้งพ่วงกับไฟถอยอย่างง่ายๆ ติดตั้งเองหรือจ้างร้านติดตั้งไม่น่าเกิน 200 บาท หากเสียงดังเกินไปและไม่มีปุ่มปรับ ก็ดัดแปลงไม่ยาก ใช้เทปโฟม 2 หน้าปิดทับรูที่เสียงผ่านออกมา จะให้ดังหรือเบาแค่ไหนตามชอบ ถ้ารำคาญก็ให้เสียงเบาหน่อย ถ้าอยากเตือนคนอื่นด้วยก็ปล่อยเสียงเต็มที่
ความน่ารำคาญเมื่อมีเสียงขณะถอยรถยนต์ ในอีกแง่มุมกลับสามารถเพิ่มความปลอดภัยได้
สรุป
จริงๆแล้ว ไม่มีอะไรสลับซับซ้อนเลย เริ่มจากตรวจสอบว่ารถยนต์รุ่นที่ขับอยู่ สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ติดได้นอกเหนือจากที่เกียร์อยู่ P หรือ N ได้ไหม รวมถึงถ้าคร่อมอยู่กับ R หรือ D จะเป็นเช่นไร หากสตาร์ทเครื่องยนต์ติดได้ถือว่าผิดปกติ ต้องรีบซ่อมแซม
ในการใช้งานจริง ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรต้องแน่ใจว่าอยู่ที่เกียร์ P หรือ N ตรงล็อกจริงๆ ไม่คร่อมอยู่กับเกียร์อื่น
ทดลองดูว่าเกียร์ใดบ้าง ต้องกดปุ่มที่หัวเกียร์ หรืออาจต้องเหยียบเบรกควบคู่กันด้วย ถึงจะเลื่อนเกียร์ได้ ก็ปฏิบัติตามนั้น
ถ้าระบบออกแบบมาไม่ต้องกดก็เลื่อนได้ โดยเฉพาะที่พบบ่อยคือ ระหว่าง N-D4-D3 ก็ไม่ต้องกดปุ่ม เพราะอาจจะเลยไปยังเกียร์อื่นที่ไม่ต้องการ หากเกียร์ที่ต้องกดปุ่มแล้วถึงจะเลื่อนได้ เมื่อใช้งานไปนานๆ แล้วไม่ต้องกดปุ่ม ก็เลื่อนเกียร์ได้ ให้รีบซ่อมแซม
การจอดขณะติดเครื่องยนต์แล้วต้องการลงจากรถยนต์ นอกจากดึงเบรกมือให้สุดแล้ว ควรเข้าเกียร์ P ไว้ นอกจากจะป้องกันรถ ยนต์ไหลได้ดีแล้วยังไม่มีความเสี่ยงที่ใครจะผลักจากเกียร์ N มา D
ไม่ต้องกลัวว่าเกียร์ P จะเสียหาย ใช้เมื่อจำเป็นอย่างเหมาะสม ไม่ใช่ใช้แต่ดึงเบรกมือกับเกียร์ว่าง-N เพราะยังไงก็แม่แน่นอนเท่า เกียร์ P พร้อมดึงเบรกมือจนสุด
ไม่ควรเชื่อมั่นเบรกมือมากเกินไป ตามปกติแล้วหากเข้าเกียร์ขับเคลื่อนและปล่อยให้ เครื่องยนต์ทำงานรอบเดินเบา หากดึงเบรกมือ สุด รถยนต์จะต้องไม่ไหล ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นก็ควรปรับตั้ง หรือซ่อมระบบเบรกมือ แต่ก็ไม่ต้อง ชะล่าใจว่าจะเอาอยู่ ดังนั้นถ้าต้องจอดขณะติด เครื่องยนต์และไม่มีผู้ขับ ควรเข้าเกียร์ P ควบคู่กันด้วย
ถ้าคิดว่าเสียงเตือนเมื่อเข้าเกียร์ถอย-R มีประโยชน์ ก็สามารถหาติดตั้งได้ในค่าใช้จ่ายไม่กี่ร้อยบาท
เกียร์ AUTO ต้องถูกควบคุมด้วยคน ดังนั้นความปลอดภัยหลักก็อยู่ที่.....คน
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
|